สกร.ถกเขตพื้นที่ฯดึงเด็กกลับห้องเรียน ดึงครูประจำตำบลช่วยหา
นายธนากร ดอนเหนือ อธิบดีกรมส่งเสริมการเรียนรู้ (สกร.) เปิดเผยว่า ตามที่ พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รมว.ศึกษาธิการ มีนโยบายเรียนดี มีความสุข เด็กทุกคนได้รับโอกาสและความเสมอภาคทางการศึกษานั้น ตนได้มอบหมายให้ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการเรียนรู้จังหวัด (ผอ.สกร.จังหวัด) ทั่วประเทศ ไปหารือกับผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) ที่อยู่ในจังหวัดนั้นๆ และถ้าเป็นไปได้ให้ทำข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ในการดูแลแก้ไขปัญหาเด็กวัยเรียนที่ไม่ได้เข้าสู่ระบบการศึกษา หรือเด็กตกหล่น และเด็กที่เข้าสู่ระบบการศึกษาแต่ออกจากระบบกลางคัน ไม่สามารถเรียนในระบบได้จริงๆให้มาลงทะเบียนเรียนรู้กับ สกร. ซึ่งเรื่องเด็กตกหล่น เด็กออกกลางคันนี้มีทุกปี และเป็นหน้าที่ที่ผู้บริหาร สกร.จังหวัด และ สกร.อำเภอ ต้องค้นหา และช้อนเด็กกลุ่มนี้ให้กลับเข้ามาเรียนรู้กับ สกร.
“การที่เด็กตกหล่น ออกกลางคัน มาจากระบบโรงเรียน ก็มีเหตุผลความจำเป็นต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นความยากจน ข้อจำกัดทางด้านร่างกาย สติปัญญา สังคม อยู่ในถิ่นทุรกันดารห่างไกล กลายเป็นผู้ที่ด้อยโอกาสไม่ได้รับการศึกษาอย่างเสมอภาคกัน การศึกษานอกโรงเรียน ของ สกร.จึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งของเด็กไทย ในการที่จะได้รับโอกาสทางการศึกษา ซึ่งในปีการศึกษา 2567 นี้ หลังจากสถานศึกษาในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ดำเนินการรับนักเรียน ค้นหาเด็กตกหล่น และเด็กที่ออกจากระบบกลางคัน ให้กลับเข้าสู่ระบบการศึกษาภายในเปิดภาคเรียนใหม่เดือน พ.ค.นี้เสร็จเรียบร้อยแล้ว เชื่อว่าจะยังคงมีเด็กส่วนหนึ่งที่ไม่กลับเข้าเรียนในระบบ ซึ่ง สกร.มีครูประจำตำบลอยู่ทุกตำบลจะทราบว่าเด็กคนไหนไม่ไปเรียน หากเด็กมีอายุเกิน 15 ปีบริบูรณ์แล้วก็จะติดตามให้มาลงทะเบียนเรียนกับ สกร.ได้เลย แต่ถ้าอายุยังไม่ถึง 15 ปีบริบูรณ์ ตาม พ.ร.บ.การศึกษาภาคบังคับ พ.ศ.2545 การลงทะเบียนเรียนกับ สกร.ต้องมีหนังสือส่งตัวจาก สพท.มาด้วย” อธิบดี สกร.กล่าว
นายธนากร กล่าวอีกว่า สกร.มีวิธีจัดการเรียนรู้ มีหลักสูตรที่หลากหลาย เช่น หลักสูตรเพื่อการพัฒนาอาชีพ หลักสูตรเพื่อการพัฒนาทักษะชีวิต ตลอดจนกิจกรรม หรือโครงการต่างๆที่ตอบสนองความต้องการของกลุ่มเป้าหมายนอกระบบโรงเรียนได้ ทั้งนี้ ตาม พ.ร.บ.ส่งเสริมการเรียนรู้ พ.ศ.2566 ไม่ได้กำหนดอายุผู้เรียนไว้ สกร.สามารถเข้าไปจัดการเรียนรู้ให้ได้ แต่ขณะนี้กฎหมายที่เกี่ยวข้องยังไม่แล้วเสร็จ จึงต้องมีหนังสือส่งตัวจาก สพท.ประกอบการรับเข้าเรียน.“การที่เด็กตกหล่น ออกกลางคัน มาจากระบบโรงเรียน ก็มีเหตุผลความจำเป็นต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นความยากจน ข้อจำกัดทางด้านร่างกาย สติปัญญา สังคม อยู่ในถิ่นทุรกันดารห่างไกล กลายเป็นผู้ที่ด้อยโอกาสไม่ได้รับการศึกษาอย่างเสมอภาคกัน การศึกษานอกโรงเรียน ของ สกร.จึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งของเด็กไทย ในการที่จะได้รับโอกาสทางการศึกษา ซึ่งในปีการศึกษา 2567 นี้ หลังจากสถานศึกษาในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ดำเนินการรับนักเรียน ค้นหาเด็กตกหล่น และเด็กที่ออกจากระบบกลางคัน ให้กลับเข้าสู่ระบบการศึกษาภายในเปิดภาคเรียนใหม่เดือน พ.ค.นี้เสร็จเรียบร้อยแล้ว เชื่อว่าจะยังคงมีเด็กส่วนหนึ่งที่ไม่กลับเข้าเรียนในระบบ ซึ่ง สกร.มีครูประจำตำบลอยู่ทุกตำบลจะทราบว่าเด็กคนไหนไม่ไปเรียน หากเด็กมีอายุเกิน 15 ปีบริบูรณ์แล้วก็จะติดตามให้มาลงทะเบียนเรียนกับ สกร.ได้เลย แต่ถ้าอายุยังไม่ถึง 15 ปีบริบูรณ์ ตาม พ.ร.บ.การศึกษาภาคบังคับ พ.ศ.2545 การลงทะเบียนเรียนกับ สกร.ต้องมีหนังสือส่งตัวจาก สพท.มาด้วย” อธิบดี สกร.กล่าว
ที่มา สกร.ถกเขตพื้นที่ฯดึงเด็กกลับห้องเรียน ดึงครูประจำตำบลช่วยหา (thairath.co.th)